ทำไมไมเคิล เฟ็ลปส์ ถึงประสบความสำเร็จที่ไม่มีคนอื่นเคยทำได้ในกีฬาว่ายน้ำ?!

ด้วยความชอบส่วนตัวหลังจากที่ได้ฟังสัมภาษณ์ ไมเคิล เฟ็ลปส์ ในหลายๆรายการโดยเฉพาะรายการ THINK 18 และอีกหลายๆรายการ ได้เข้าใจถึงกรอบความคิดที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต้องมี ความเสียสละในชีวิตส่วนตัวและนิสัยแห่งความสำเร็จ ไมเคิลเริ่มต้นว่ายน้ำจากการที่ได้เห็นพี่สาวทั้ง 2 คนฝึกว่ายน้ำที่สระเป็นประจำตั้งแต่เขายังเล็ก ได้เห็นพี่สาวคนรองประสบความสำเร็จระดับโลกตอนอายุ 13  ไมเคิลบอกว่าเขาก็อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนพี่สาวของเขาบ้างเขาจึงเริ่มต้นเมื่ออายุ 11 ขวบ เมื่อโค้ชของไมเคิลบอกทางบ้านของไมเคิลว่าไมเคิลสามารถเข้าแข่งโอลิมปิกได้ในอีก 4 ปีถ้าตัวไมเคิลเองต้องการ ผมจึงอยากจะสรุปสิ่งที่ผมได้จากการฟังและได้จากการศึกษาสิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดได้และอยากบอกว่ามันไม่ได้ต่างจากสิ่งที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จอื่นๆมีเช่นเดียวกัน

ทำอย่างไรถึงจะคิดใหญ่เป็น!? สิ่งนี้จำเป็นต่อความสำเร็จ!!

ทำอย่างไรถึงจะคิดใหญ่เป็น? ที่สำคัญกว่าก็คือทำอย่างไรถึงจะกล้าคิดใหญ่? กล้าที่จะฝันให้ยิ่งใหญ่!! หลายคนคอยพูดคอยสอนให้เราคิดใหญ่ อย่าคิดเล็ก ปัญหาคือเราไม่รู้จะคิดใหญ่ได้ยังไง? คือเราไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะคิดใหญ่ได้ ก็ในเมื่อประสบการณ์ของเราจำกัดตัวเราให้แคบอยู่เป็นอย่างที่เราเคยชิน เคยรู้จัก เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น วิธีการที่คุณจะสามารถคิดใหญ่ได้คิดใหญ่เป็นนั้นคุณจะต้องคุยกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่าคุณ ต้องคุยกับคนที่สามารถจะเป็นโค้ช เป็น Mentor ให้คุณได้ มันจะง่ายกว่าการที่คุณต้องมาลองผิดลองถูกเอง มาหาแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือเอาเอง เพราะโค้ชที่เก่งนั้นจะเห็นจุดอ่อนของคุณและสามารถชี้นำคุณไปยังสิ่งที่คุณต้องการได้ สามารถบอกได้ว่าคุณมีจุดอ่อนอย่างไรและต้องพัฒนาตัวคุณเองอย่างไรถึงจะไปยังเป้าหมายความฝันของคุณได้สำเร็จ คนที่เป็นโค้ชจึงต้องมีประสบการณ์จริงในเรื่องนั้นๆ เคยประสบความสำเร็จมาก่อนแล้ว และมีความสามารถในการเป็นครูเป็นโค้ชที่ดี สามารถสอนให้เข้าใจได้ง่าย สามารถกระตุ้นให้คุณมีแรงฮึกเหิมได้ กระตุ้นให้คุณก้าวเดินไปยังฝันของคุณได้ ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่มีความฝันและหิวกระหายที่จะไปถึงยังเป้าหมายและความฝันของคุณแล้วละก็ คุณควรรีบหาโค้ชหรือ mentor ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด เพราะการมัวแต่คิดมัวแต่อ่านหนังสือโดยไม่ลงมือทำมันก็คือการผัดวันประกันพรุ่งแค่นั้นนั่นเอง

ทำอย่างไรถึงเปลี่ยนตัวคุณเองให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้!?

ให้คุณลองนึกดูว่าตั้งแต่คุณเกิดมาตั้งแต่คุณเริ่มจำความได้คุณมีความสุขไหม?… แต่ละคนคงจะนึกว่าคุณจำอะไรได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรเป็นสิ่งแรกๆที่คุณจำได้ คุณรับรู้การมีตัวตนของคุณได้อย่างไร คุณรับรู้ว่าเป็นตัวตนของคุณเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แรกๆสังคมเราก็จะมีแต่พ่อแม่พี่และญาติของเราเป็นหลักที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความมีตัวตนของเรา เราเรียนรู้โดยตรงจากพ่อแม่พี่ญาติของเรา แต่เราได้เรียนรู้และถูกปลูกฝังอะไรมาบ้าง? เราเห็นอะไรในช่วงชีวิตนั้นซึ่งจะส่งผลต่อจิตใต้สำนึกของเราเป็นอย่างมากเมื่อเราโตขึ้น บางครั้งคุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าบางสิ่งที่คุณรู้สึกชอบรู้สึกผูกพันธ์เมื่อแรกพบหรือชอบบางอย่างเป็นพิเศษเพราะเกิดจากจิตใต้สำนึกของคุณที่คุณได้รับประสบการณ์มาเมื่อครั้งคุณยังเล็กๆอยู่ ยกตัวอย่างบางคนที่ชอบสุนัขหรือแมวมาก หรือบางคนที่เกลียดสัตว์หรือสิ่งของบางชนิดมาก             ครอบครัวที่ปลูกฝังให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าที่จะแสดงออก เมื่อโตขึ้นก็จะกล้าแสดงออก แต่อย่าลืมว่าเราสอนลูกไม่ได้หากตัวเราไม่ได้เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นเพราะลูกเราเห็นจากตัวอย่างจริง จากตัวของพ่อแม่ที่แสดงให้เขาเห็นอยู่ทุกวัน เราจะเลียนแบบพ่อแม่เราเข้าไปสู่จิตใต้สำนึกของเราโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องสอนลูกคุณคือต้องให้เขาได้เข้าใจว่าเขามีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ที่เขาตั้งใจไว้ หัดให้เขาตั้งเป้าหมายที่ใหญ่กว่าที่เขาคิดหรือตั้งเป้าหมายเอาเอง เราเองอย่าเป็นคนตั้งเป้าหมายเล็กๆให้เขาเพราะเรากลัวเขาจะเสียใจถ้าเขาไม่ได้ยังเป้าหมาย หัดให้เขาตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ตั้งแต่เล็กๆและให้เขาได้ทำมันอย่างเต็มที่เพราะคุณอาจจะไม่เคยรู้ว่าลูกคุณก็ทำสิ่งที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ก็ได้ คุณเองอาจจะเป็นคนที่ไปสร้างลิมิตขอบเขตให้ลูกคุณเองโดยที่ไม่รู้ตัว ในทางกลับกันคุณเองก็อาจจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้สร้างลิมิตหรือตั้งเป้าหมายที่ไม่ใหญ่พอเพราะกลัวจะเสียใจเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมายหรือต้องออกจาก Comfort zone             ให้คุณกลับมาคิดดูว่าตัวคุณเองถูกเลี้ยงมาอย่างไร … Read More