อย่ายอมแพ้ ไปให้ถึงเส้นชัย

ทำอย่างไรถึงเปลี่ยนตัวคุณเองให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้!?

ให้คุณลองนึกดูว่าตั้งแต่คุณเกิดมาตั้งแต่คุณเริ่มจำความได้คุณมีความสุขไหม?… แต่ละคนคงจะนึกว่าคุณจำอะไรได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรเป็นสิ่งแรกๆที่คุณจำได้ คุณรับรู้การมีตัวตนของคุณได้อย่างไร คุณรับรู้ว่าเป็นตัวตนของคุณเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แรกๆสังคมเราก็จะมีแต่พ่อแม่พี่และญาติของเราเป็นหลักที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความมีตัวตนของเรา เราเรียนรู้โดยตรงจากพ่อแม่พี่ญาติของเรา แต่เราได้เรียนรู้และถูกปลูกฝังอะไรมาบ้าง? เราเห็นอะไรในช่วงชีวิตนั้นซึ่งจะส่งผลต่อจิตใต้สำนึกของเราเป็นอย่างมากเมื่อเราโตขึ้น บางครั้งคุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าบางสิ่งที่คุณรู้สึกชอบรู้สึกผูกพันธ์เมื่อแรกพบหรือชอบบางอย่างเป็นพิเศษเพราะเกิดจากจิตใต้สำนึกของคุณที่คุณได้รับประสบการณ์มาเมื่อครั้งคุณยังเล็กๆอยู่ ยกตัวอย่างบางคนที่ชอบสุนัขหรือแมวมาก หรือบางคนที่เกลียดสัตว์หรือสิ่งของบางชนิดมาก

            ครอบครัวที่ปลูกฝังให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าที่จะแสดงออก เมื่อโตขึ้นก็จะกล้าแสดงออก แต่อย่าลืมว่าเราสอนลูกไม่ได้หากตัวเราไม่ได้เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นเพราะลูกเราเห็นจากตัวอย่างจริง จากตัวของพ่อแม่ที่แสดงให้เขาเห็นอยู่ทุกวัน เราจะเลียนแบบพ่อแม่เราเข้าไปสู่จิตใต้สำนึกของเราโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องสอนลูกคุณคือต้องให้เขาได้เข้าใจว่าเขามีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ที่เขาตั้งใจไว้ หัดให้เขาตั้งเป้าหมายที่ใหญ่กว่าที่เขาคิดหรือตั้งเป้าหมายเอาเอง เราเองอย่าเป็นคนตั้งเป้าหมายเล็กๆให้เขาเพราะเรากลัวเขาจะเสียใจถ้าเขาไม่ได้ยังเป้าหมาย หัดให้เขาตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ตั้งแต่เล็กๆและให้เขาได้ทำมันอย่างเต็มที่เพราะคุณอาจจะไม่เคยรู้ว่าลูกคุณก็ทำสิ่งที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ก็ได้ คุณเองอาจจะเป็นคนที่ไปสร้างลิมิตขอบเขตให้ลูกคุณเองโดยที่ไม่รู้ตัว ในทางกลับกันคุณเองก็อาจจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้สร้างลิมิตหรือตั้งเป้าหมายที่ไม่ใหญ่พอเพราะกลัวจะเสียใจเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมายหรือต้องออกจาก Comfort zone

            ให้คุณกลับมาคิดดูว่าตัวคุณเองถูกเลี้ยงมาอย่างไร คุณถูกตามใจไหม? คุณถูกโอ๋ไหมเวลาทำอะไรไม่สำเร็จ คุณถูกบอกบ่อยๆไหมเวลาทำอะไรไม่สำเร็จไม่ได้ตามเป้าว่า “ไม่เป็นไรหรอก” หรือ “ช่างมันเถอะ” เพราะมันเป็นการฝึกให้คุณยอมรับใน Comfort zone ของคุณ เป็นการฝึกให้คุณยอมแพ้โดยที่ยังพยายามไม่พอ การฝึกให้ลูกวิ่ง 10 กิโลตอนอายุ 7 ขวบเพียงเพื่อให้เขารู้ว่าขีดจำกัดมันอยู่ที่ความคิดของเราเอง ให้เขาได้เรียนรู้ว่าการยอมแพ้เป็นเรื่องที่ง่ายและการไม่ยอมแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก สุดท้ายเขาก็จะมีความมั่นใจให้ตัวเองเมื่อทำสิ่งต่างๆที่เขาไม่เคยทำหรือไม่คิดว่าจะทำได้ก็จะสามารถเปรียบเทียบกับการวิ่งที่จะต้องเอาชนะใจตัวเองทุกๆครั้งที่เหนื่อยและหยุดวิ่งให้กลับมาวิ่งต่อไปได้

ผมเห็นลูกของเพี่อนหลายๆคนโตขึ้นมาแตกต่างกันแล้วแต่การเลี้ยงดู เด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองก็เกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผมไม่เคยเห็นลูกของเพื่อนคนไหนที่ถูกเลี้ยงแบบตามใจทุกอย่างหรือถูกปกป้องมากเกินไปจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง (อย่างที่เขาเรียกว่าพ่อแม่รังแกฉันนั่นเอง) ผมเห็นสิ่งนี้มากับตัวเองตั้งแต่รุ่นของทวดผมซึ่งสอนแม่ผมมา และแม่ผมซึ่งสอนผมมาตั้งแต่เล็ก และสิ่งที่แม่ผมพูดกับลูกของผมก็สะท้อนถึงว่าทำไมผมถึงเป็นกลายเป็นตัวผมถึงช่วงที่ผมต้องหาเลี้ยงครอบครัวของผมเอง ทำไมผมถึงคิดหลายๆอย่างแบบนั้นก็เพราะที่บ้านผมเป็นคนปลูกฝังความคิดเหล่านั้นให้กับผมตั้งแต่เล็ก สิ่งที่แม่ผมซึ่งเป็นคุณย่าของลูกผมพูดและสอนลูกของผมก็ต่างกับสิ่งที่ผมสอนลูกของผมหลายๆอย่าง ลูกผมต้องได้ดีกว่าผมและพ่อแม่ของผม เขาต้องเป็นคนที่มีศักยภาพและต้องไม่มีอะไรมาหยุดความเชื่อของเขาได้ว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ถ้าเขาอยากทำหรืออยากเป็นเพราะการเอาชนะจิตใต้สำนึกตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ ผมไม่ได้โทษพ่อแม่ผมซึ่งอยากให้ผมหางานที่มั่นคงทำ ไม่อยากให้ผมลาออกจากงานประจำในบริษัทใหญ่โตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเพราะไม่เคยมีใครในครอบครัวที่ลาออกจากบริษัทใหญ่ที่มั่นคงออกมาทำธุรกิจเปิดบริษัทเองโดยมีเงินทุนส่วนตัวจากการทำงานประจำแค่แสนกว่าบาท ซึ่งช่วงแรกมีแต่คนรอบตัวที่ห้ามเพราะเป็นห่วงผม เรียกว่าไม่มีใครรอบๆตัวที่สามารถแนะนำอะไรให้ผมได้เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจส่วนตัวถึงแม้เขาอยากจะแนะนำสิ่งดีๆให้ผมก็ตาม แต่ก็กลายเป็นว่ามีแต่คนรอบข้างและครอบครัวที่เตือนและพูดบอกกรอกหูผมแต่เรื่องด้านลบๆให้ระวังจะพลาดหรือล้มเหลวเพียงอย่างเดียวซึ่งก็เป็นด้วยความเป็นห่วงของคนใกล้ตัวเหล่านั้น

ดังนั้นถ้าคุณเกิดในครอบครัวที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จแล้วคุณก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับพ่อแม่ของคุณเพราะคุณเห็นและได้รับรู้ ถูกปลูกฝังมาโดยอัตโนมัติกับสิ่งเหล่านั้น เช่นเดียวกับลูกที่เกิดในครอบครัวนักกีฬาระดับโลกอย่างเช่นครอบครัววิลเลียมสองพี่น้องนักเทนนิสที่เกิดในครอบครัวที่มีแม่เป็นโค้ชเทนนิส หรือครอบครัวจุฑานุกาลที่มีพ่อทำ Proshop และอยู่ในวงการกอล์ฟ สิ่งที่ครอบครัวเหล่านี้สอนให้ลูกคืออะไร? ถ้าคุณเคยดูบทสัมภาษพ่อแม่ก็จะเห็นว่าพ่อและแม่ของนักกีฬาระดับโลกเหล่านั้นมีความเชื่อมั่นในตัวลูก เพราะเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเขาจึงไปถึงระดับโลกและเป็นแชมป์ระดับโลกได้ คุณหละเชื่อมั่นในความสามารถในตัวลูกของคุณแค่ไหน? หากคุณไม่เชื่อมั่น 100% ในตัวลูกของคุณแล้วละก็ เขาก็ไม่มีโอกาสที่เขาจะเชื่อมั่นในตัวเขาเองได้ 100% เช่นกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published.